*”ดร.มหานิยม”เผยพศ.ทำหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาวัด-ที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ*
“ดร.นิยม เวชกามา” หรือ “ดร.มหานิยม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล”) เปิดเผยว่า “นายอินทพร จั่นเอี่ยม” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)กรรมการและเลขานุการกองพุทธศาสนสถาน ส่งสำเนาคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ มายังตน
โดยสำนักนายกรัฐมนตรี ลงนามโดย “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่ง ที่ 4777/2/2567 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล” เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้แจ้งว่า ประธานกรรมการได้กำหนดประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์ มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ ในวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 309 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยได้มอบหมายให้ “นายธณัฏฐา ฐาปนะสุด” ผู้อำนวยการกลุ่มศาสนสถานและควบคุมคุมทะเบียนวัด เป็นผู้ประสานงาน
ทั้งนี้ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ดังกล่าว ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ ว่า โดยที่ปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดและที่พักสงฆ์มีมานาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องที่ตั้งวัดไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ปัญหาเรื่องวัดตั้งอยู่ในเขตที่ดินซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ ที่ราชพัสดุ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พื้นที่นิคมสร้างตนเอง พื้นที่นิคมสหกรณ์ และพื้นที่อื่นของรัฐ
ซึ่งที่ผ่านมาการแก้ปัญหา
มีลักษณะจำกัดเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ประกอบกับแนวโน้มการตั้งวัดมีมากขึ้น และปัญหาดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน
เพื่อให้การแก้ปัญหาเกี่ยวกับที่ตั้งวัดและที่พักสงฆ์มีการดำเนินการ และเพื่อมิให้เกิดปัญหาสำหรับวัดที่ตั้งขึ้นใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 33 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาหากรณีวัด และที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ เรียกโดยย่อว่า “ค.ก.ว.” โดยมีองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมการ คนที่ 1 (ดร.นิยม เวชกามา)
ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองประธานกรรมการ คนที่ 2
(นายวัฒนา เตียงกูล)
เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมตรี รองประธานกรรมการคนที่ 3
(นายธเนศ กิตติธเนศวร)
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กรรมการ
อธิบดีกรมการศาสนา กรรมการ
อธิบดีกรมที่ดิน กรรมการ
อธิบดีกรมป่าไม้ กรรมการ
เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรรมการ
ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด กรรมการ
นายสหัสชัย อนันตเมฆ
นายชัยยง จันทวีภากร
นายอิสรา สุจารี
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ
รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (ที่กำกับดูแลกองพุทธศาสนสถาน)
ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เลขานุการกรม กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ผู้อำนวยการกลุ่มศาสนสถานและควบคุมทะเบียนวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ที่ได้รับมอบหมาย
ส่วนหน้าที่และอำนาจ
ทั่วประเทศ และตรวจสอบการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว รวบรวมข้อมูลและจำแนกประเภทที่ดินของของรัฐซึ่งที่ตั้งของวัดและที่พักสงฆ์ รวบรวมปัญหาและข้อจำกัดในการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดและที่พักสงฆ์ ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและหาทางแก้ไข
การขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดและที่พักสงฆ์ ติดตามและกำกับการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดและที่พักสงฆ์ รายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค พร้อมข้อเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรี
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการแก้ปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐมอบหมาย ตามความจำเป็น ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
สำหรับการเบิกจ่ายค่าเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นใดที่จำเป็น
ต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน ที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ ให้เป็นไป
ตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 หรือตามระเบียบของทางราชการ แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ//////////