*“รมต.ชูศักดิ์-ผช.รมต.นิยม”
ไปวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่งอัญเชิญ”พระเขี้ยวแก้ว”มาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวงเฉลิมพระเกียรติในหลวงให้ประชาชนสักการะ 4 ธ.ค. 67-14 ก.พ.68″นายกฯอุ๊งอิ๊ง”ประธานฝ่ายฆราวาส*
รัฐบาลไทยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 โดยวันที่ 1 ธันวาคม 2567 “รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว “ดร.นิยม เวชกามา” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพระเถระจำนวน 10 รูป นำโดย “พระพรหมบัณฑิต” กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามความตกลง และในวันที่ 4 ธันวาคม จะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ ณ วัดหลิงกวง โดยมีคณะจากจีน จำนวน 90 คน นำโดยรัฐมนตรีประจำสำนักงานกิจการศาสนาแห่งชาติจีน และพระมหาเถระ “เหยี่ยนเจวี่ย” ประธานพุทธสมาคมจีน ซึ่งเทียบเท่ากับสมเด็จพระสังฆราชในระบบของไทย พร้อมคณะสงฆ์จีน จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ขึ้นเครื่องบินสายการบิน Air China มาถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 13.00 น.
จากนั้น จะมีพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุฯ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กองทัพอากาศ ดอนเมือง ก่อนอัญเชิญขึ้นรถบุษบก แล่นผ่านเส้นทางที่กำหนด เพื่อไปประกอบพิธีอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในช่วงเย็นของวันที่ 4 ธันวาคม 2567 และจะประดิษฐานจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนจะอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
ประชาชนสามารถไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว ณ มณฑปประดิษฐานท้องสนามหลวง ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 ในเวลา 07.00 – 20.00 น.
ทั้งนี้ รศ.ชูศักดิ์ กล่าวว่า การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว รัฐบาลไทย และรัฐบาลจีนได้เห็นชอบร่วมกันในการจัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 73 วัน อัญเชิญมาวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยมี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ สมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งกรรมการมหาเถรสมาคม มอบหมายเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยในวันดังกล่าว
เวลา 17.00 น. รัฐบาลได้จัดให้มีริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ไปยังท้องสนามหลวง เจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมดอกไม้สักการะไว้ให้กับประชาชน โดยไม่ต้องนำมาเอง แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้วกลับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568
“รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเพื่อแจ้งข่าวให้กับประชาชนทั้งสองประเทศได้ทราบแล้ว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 และจัดพิธีบวงสรวงการจัดสร้างมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง โดยการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม
พระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ในปี 2568 ด้วย” รศ.ชูศักดิ์ กล่าว////_//////ดร.นิยม เวชกามา ////KAO KON E SAN..