โครงการ “โคบาลชายแดนใต้” กับปัญหาความ”ไร้ทิศทาง” ของ”ปศุสัตว์” ที่ต้องแก้ไข

Uncategorized

โครงการ “โคบาลชายแดนใต้” กับปัญหาความ”ไร้ทิศทาง” ของ”ปศุสัตว์” ที่ต้องแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายว่า โครงการ”โคบาลชายแดนใต้

” ที่เป็นโครงการ ส่งเสริมอาชีพ ให้คนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีอาชีพในการ เลี้ยงโคพันธุ์พื้นเมือง เพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์ ในการผสม”เชื้อวากิว” เพื่อให้ ลูกที่เกิดมา มีราคา และตลาดต้องการ เพื่อการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นโครงการของ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรับผิดชอบโดย กรมปศุสัตว์ โดยมี ธนาคารเกษตรและสหกรณ์ เป็นแหล่งเงินทุนให้กู้กับโดยให้ ประชาชน จัดตั้งกลุ่มขึ้นมา
โครงการนี้ในเฟส 1 มีปัญหาเกิดขึ้นในช่วงของต้นปี 2567 เนื่องจากมี กลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการ โคบาลชายแดนใต้ 2 กลุ่ม ที่ จ.ปัตตานี และที่ จ.สตูล ร้องเรียนว่า วัวที่ได้รับจาก บริษัท ที่เข้าร่วมโครงการ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เช่น น้ำหนัก และ ส่วนสูง ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน จนกลายเป็นประเด็น ที่ต้องมีการตรวจสอบ ทั้งจาก รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จาก ปปช. และ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นโดย ศอ.บต. เพื่อหาข้อเท็จจริง
และสุดท้ายเรื่องก็จบลงที่ ไม่พบว่ามีการ ทุจริต ในโครงการ ส่วนกลุ่มที่มีการร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่าได้รับวัวที่ไม่ตรงปก ที่เกิดขึ้นใน จ.ปัตตานี ทางบริษัทที่เป็นผู้ร่วมโครงการ ได้รับคืน เพื่อเป็นการ ยุติ ปัญหา สำหรับใน จ.สตูล ขณะนี้เรื่องยังไม่จบ แต่เป็นเรื่องระหว่าง กลุ่มเลี้ยงวัวที่อยู่ในโครงการ กับ ปศุสัตว์จังหวัด ที่ถูกชาวบ้านกล่าวหาว่า ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับความคืบหน้าของโครงการ”โคบาลชายแดนใต้” ตัวแทนของบริษัทที่ขายแม่พันโคพื้นเมืองให้กับ เกษตกรที่เข้าร่วมโครงการเปิดเผยว่า โคแม่พันธุ์พื้นเมืองในเฟสที่ 1 นอกกจาก 2 กลุ่มที่มีปัญหาแล้ว กลุ่มอื่นๆ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ใน จ.ปัตตานี เกษตกรผู้เลี้ยงได้ลูกวัวที่เกิดจากแม่พันธุ์แล้ว 100 กว่าตัว กลุ่มของ จ.นราธิวาส วัวตกลูกให้เจ้าของแล้ว 600 กว่าตัว ทุกคนพอใจกับผลรับที่เกิดขึ้น และ โครงการในเฟสที่ 2 ก็จะเริ่มดำเนินการได้ในเร็วๆนี้
ปัญหาที่น่าเป็นห่วงที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มผู้เลี้ยงโคบางกลุ่ม ได้ไปซื้อโค หรือวัวที่ไม่เป็นไปตาม เงื่อนไข ข้อตกลง โดยไปซื้อโคอเมริกันบาร์มันห์ ซึ่งผู้ซื้ออาจจะพอใจที่เป็นโคตัวใหญ่ กว่าโคพันธุ์พื้นเมือง แต่ปัญหาที่ตามมาคือไม่สามารถฉีดน้ำเชื้อวากิว เพื่อการผสมพันธุ์ให้เป็นวากิว และจะเป็นผลเสียที่จะตกไปอยู่กับผู้เลี้ยง เพราะลูกที่ออกมา จะไม่เป็นความต้องการของตลาด ไม่เหมือนกับโคพันธุ์พื้นที่ ที่ผสมเป็นวากิว และเป็นที่ต้องการของตลาด รวมทั้งบริษัทยังรับซื้อหากเกษตรกรต้องการให้กับบริษัท สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ เจ้าหน้าที่ ปศุสัตว์ ทำความเข้าใจกับ กลุ่มผู้เลี้ยง ที่อาจจะไม่เข้าใจ และต้องการซื้อโคในราคาถูก และตัวใหญ่ เพียงอย่างเดียว
สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ”โคบาลแดนใต้” ในเฟสที่ 2 นั้น ตัวแทนของบริษัทที่เป็นผู้จัดหาโคพันธุ์พื้นที่และการผสมพันธุ์ให้กับเกษตกรที่เข้าร่วมโครงการกล่าวว่า ต้องดำเนินการด้วยความรอบควบ โดยทุกฝ่ายต้องทำการตรวจสอบ ตั้งแต่เรื่องน้ำหนัก ส่วนสูง ในวันส่งมอบ เพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมาอย่างการร้องเรียนในเฟสแรก ที่ทุกคนยินดีที่ได้รับโคไปเลี้ยง แต่พอเลี้ยงได้ระยะหนึ่ง มีปัญหาในเรื่องการเลี้ยงที่ไม่ได้เลี้ยงตามวิธีการ แล้วมีการร้องเรียนว่าโคที่ได้ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ทั้งในเรื่องน้ำหนักและส่วนสูง จนกลายเป็นเรื่องให้มีการตรวจสอบ ทำให้โครงการ “โคบาลแดนใต้” ต้องหยุดชะงักไปหลายเดือน เป็นการเสียโอกาส ทั้งเกษตกรและบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ที่ต้องแบกรับการขาดทุน ที่สำคัญโคที่มีการรับคือ ไม่ใช่โคของบริษัท เพราะไม่มีเครื่องหมายที่ทำตำหนิไว้ แต่บริษัทก็ยินยอม เพราะต้องการ ยุติ ปัญหา และต้องการที่จะให้มีการ”ขับเคลื่อน” โครงการ “โคบาลชายแดนใต้” ต่อไป