คนน่านไม่ทิ้งกัน จิตอาสา จับมือ ภาครัฐ ช่วยเหลือ 3 ชีวิตยายหลาน ยากไร้ คิดหวังตายยกครัวหนีจน
เรื่องราวดีๆยังมีเสมอในจังหวัดน่าน เมื่อกลุ่มจิตอาสา ภาคเอกชน ร่วมกับ ภาครัฐ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน เข้าช่วยเหลือ พร้อมร่วมกันหารือ แนวทางในการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน หลังพบยาย ต้องเลี้ยงหลาน 2 ชีวิต วัย 8 ขวบ และ 1 ขวบ 4 เดือน ตามลำพัง เพราะลูกสาวแม่ของหลานทิ้งไว้แล้วหายตัวไปนานนับปี ด้วยความรันทด ไม่มีข้าวกิน ต้องนำเกลือคลุกข้าว และให้ดื่มน้ำจากก๊อกแทนนม ประทังชีวิต ไม่มีเงินส่งหลานเรียนต่อ และคิดปลิดชีพยกครอบครัวเพื่อหนีความจน
โดย นางสาวฝน เจ้าของร้านสมยส รีไซเคิล เปิดเผยว่า ยายนงลักษณ์ ได้มาสมัครทำงานที่ร้าน ซึ่งหลังรับเข้าทำงาน จึงทำให้รู้ว่า ยายมีภาระต้องเลี้ยงดูหลานตามลำพัง อีก 2 คน และลำบากมาก ถึงขั้นไม่มีข้าวกิน ต้องเอาเกลือคลุกข้าว และให้ดื่มน้ำก๊อกแทนนม จนหลานคนโตวัย 8 ขวบ ไม่สบายเข้ารักษาที่โรงพยาบาลน่านด้วยโรคขาดสารอาหาร และหลานคนโตต้องอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงหลานคนเล็ก เพื่อให้ยายได้ออกมาทำงาน อีกทั้งยังไม่มีเงินที่จะส่งเรียนต่อ และเคยถึงขั้นคิดปลิดชีพทั้งตัวเองและหลานเพื่อหนีความจน ทุกข์ยากมาแล้ว จึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะรู้สึกสงสารมาก โดยเบื้องต้นได้ ซื้ออาหารและนม ให้ได้มีกิน และเปิดรับบริจาคเงินจากเพื่อนๆที่ใจบุญ มีจิตอาสา เพื่อระดมไปจ่ายค่าเทอม ค่าอาหาร ให้เด็กได้เรียนต่อ ได้มีกิน และมีคนใจบุญ เจ้าของสมาร์ทคิดส์ เนอสเซอรี่ กาดน้ำทองน่าน ช่วยดูแลหลานคนเล็กในระหว่างที่ยายไปทำงาน จนกว่าจะอายุ 3 ปี และเข้าเรียนได้ โดยคุณยายรับผิดชอบเรื่องนมและแพมเพิสเอง และจะพยายามหาแนวทางช่วยเหลือให้ยายสามารถเลี้ยงดูหลานๆได้ตลอดไป
ด้าน นางอัญชรินทร์ กลิ่นศิริ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะครูโรงเรียนสามัคคีวิทยาคาร เทศบาลเมืองน่าน กำนันตำบลถืมตอง อบต.ถืมตอง ได้เข้าเยี่ยม ยายนงลักษณ์ มูลอินท์ อายุ 51 ปี และหลาน 2 คน ที่บ้านไม่เลขที่ บ้านเขื่อนแก้ว ตำบลถืมตอง อ.เมือง จ.น่าน
โดยจากข้อมูลที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน ได้เคยเข้าเยี่ยมและช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อเดือนมีนาคม และ เมษายนที่ผ่านมา หลังได้รับการประสานจากทางโรงพยาบาลน่าน ว่ามีเด็กขาดสารอาหารเข้ารักษาตัว และจากกู้ภัย ฯ ว่ายายได้ติดต่อไปปขอโรงศพ แต่พบว่าจะนำมาใช้ฆ่าตัวตายยกครอบครัว และพบว่า ยายนงลักษณ์ ต้องเลี้ยงหลาน 2 คน ลำพัง เนื่องจากลูกสาวทิ้งไปทำงานต่างประเทศ และไม่ติดต่อกลับมา อีกทั้งไม่สามารถออกไปทำงานได้ เนื่องจากเลี้ยงหลานคนเล็ก ซึ่งได้ให้แนวทางตามระเบียบการสงเคราะห์ สามารถนำหลานเข้าเรียนโรงเรียนประจำ หรือสถานสงเคราะห์ได้ โดยยายไม่ตัดสินใจ ขอเก็บไปคิดก่อน จึงได้มอบเงินสงเคราะห์ จำนวน2000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค พร้อมกับประสานกับทางผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ติดตามต่อ ขณะที่ทางโรงเรียน สามัคคีวิทยาคาร เทศบาลเมืองน่าน เด็กทุกคนเรียนฟรีอยู่แล้ว เงินค่าเทอม 800 บาท เป็นค่าประกันชีวิตที่ไม่มีงบประมาณสนับสนุน ที่ผ่านมากโรงเรียนมอบทุนการศึกษาทุกปี และมีผู้อุปถัมภ์ให้ค่าขนมวันละ 20 บาท และมีอาหารกลางวันให้ทาน
ยายนงลักษณ์ มูลอินท์ อายุ 51 ปี เล่าว่า เดิมเป็นคนบ้านน้ำต้วน ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง ตั้งแต่สามีเสียชีวิต และบ้านถูกยึดขายทอดตลาด เหลือเงินจำนวนหนึ่ง ก็มาขออาศัยปลูกบ้านบนที่ดินของพี่เขยอยู่ที่ตำบลถืมตอง กับหลานคนโต ซึ่งตอนนั้นก็ยังพอหาเลี้ยงตัวเองได้ กระทั่งลูกสาวท้องและกลับมาอยู่ด้วย และคลอดหลานอีกคน จนหลานคนเล็กอายุประมาณ 7 เดือน ลูกสาวขอไปทำงานต่างประเทศ และหายไปไม่ติดต่อกลับมา ทำให้ตนเองลำบากมากเพราะออกไปทำงานไม่ได้ ต้องเลี้ยงหลาน ได้แต่รับจ้างเล็กๆน้อยแถวบ้าน หายืมเงินใครก็ไม่ได้แล้ว เริ่มอดๆ อยากๆ ไม่มีเงินซื้อข้าว ซื้อนมให้หลานกิน รู้สึกท้อแท้ จนคิดสั้นอยากตายหนีความจน จึงโทรไปขอรับบริจาคโรงศพเพื่อมาขอฆ่าตัวตาย กับทางมูลนิธิอัศวินม้าขาว แต่ทางมูลนิธิฯ ทราบเรื่องแล้วได้แจ้งหน่วยงานต่างๆเข้ามา บางหน่วยงานเข้ามาก็ช่วยเหลือ บางหน่วยงานเข้ามาก็ ตำหนิว่ามาอาศัยอยู่ในชุมชน ยังมาทำให้วุ่นวาย ทั้งนี้ตนไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ชีวิตมันลำบากมากจริงๆ หาทางออกไม่ได้แล้ว แต่เมื่อตอนนี้มีงานทำ และมีคนใจบุญ หน่วยงานเข้ามาช่วย ก็จะขอสู้ชีวิตอีกครั้ง โดยตั้งใจจะไปหาห้องเช่าในเขตเทศบาลอยู่ เพื่อจะได้ใกล้ที่เรียนของหลาน และที่ทำงานของตนเอง เพื่อความสะดวก และปลอดภัยในการเดินทางไปส่งหลานๆ และอาจยังสามารถรับจ้าง ทำงานอื่นเสริมได้
อย่างไรก็ตามทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน หลังหารือ และรับทราบความต้องการขายยายนงลักษณ์ ฯ ได้ให้ดำเนินงานการเปลี่ยนชื่อการรับเงินสิทธิ์เด็กแรกเกิด เดือนละ 600 บาท จากแม่ของเด็ก เป็นชื่อยายนงลักษณ์ ฯ และบันทึกข้อความในการอนุคราะห์ช่วยเหลือต่างๆของจิตอาสา ภาคเอกชน และขอติดตามประเมินผลใน 6 เดือน หากผู้เป็นยายไม่สามารถรับภาระได้ ก็จะนำแนวทางการสงเคราะห์ ช่วยเหลือด้านต่างๆ เข้าพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือครอบครัว ยายนงลักษณ์ และหลาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ทางนายศุภพงษ์ เอี่ยมปรานี กำนันตำบลถืมตอง โทรศัพท์ 089-511-9881/ภาพข่าวก้อย/บุญยงค์ สดสอาด รายงาน